Verified answer

อย่าตกใจไปเลยครับ ตามข้อเท็จจริงแล้วเครื่องซักผ้าแม้นจะมิได้ทำความสะอาดโดยตรงกันเลย ก็มิได้มีส่วนทำให้เสื้อผ้าที่เราซักด้วยเครื่องนั้นจะมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเครื่องซักผ้าในส่วนที่จะสามารถสร้างปัญหาให้กับเสื้อผ้าของเราโดยตรงกันได้จะอยู่ในส่วนที่เป็นถังซักเสียมากกว่า ซึ่งทุกครั้งที่เราซักผ้านั้นก็หมายความว่าภายในถังซักของเครื่องก็ได้ทำความสะอาดไปด้วยแล้วในตัวทุกครั้ง และอีกส่วนที่อาจจะทำให้ผ้าสกปรกได้ก็คือ ช่องระบายคราบไคล้ (ที่จะมีถุงเล็กๆติดไว้) จากเศษขลุ้ยของผ้า ซึ่งถ้าไม่ผ่านการขจัดเศษขลุ้ยกันเลยก็จะหลุดลอยไปติดกับเสื้อผ้าทำให้เสื้อผ้าสกปรกหลังซักเสร็จได้ แต่นั้นก็จะไม่มีลักษณะเป็นวงๆสีเข้มแต่อย่างใดเลย

ฉะนั้นปัญหาของผู้ถามที่บอกมาว่าหลังซักเสร็จจะมีลักษณะเป็นวงๆสีเข้มหรือดูเหมือนเป็นสีตกนั้น ก็จะเป็นปัญหาที่มาจากผงซักฟอกที่ผสมเกล็ดสีฟ้า นํ้ายาซักผ้า หรือนํ้ายาปรับผ้านุ่มที่เวลาใส่ไม่ใส่ผ่านช่องปกติของมัน แต่ไปใส่กันโดยตรงลงบนเนื้อผ้าก่อนเดินเครื่องซักผ้า นั่นเอง หรือถ้าใส่ตามช่องแล้วยังเป็นปัญหาอยู่ก็แสดงว่าช่องเหล่านั้นอาจมีปัญหาขึ้นมาแล้วก็เป็นได้ เพราะเวลาสิ่งเหล่านั้นไม่ละลายไปกับนํ้าทั้งหมดก็จะเหลือไปเกาะติดกับเนื้อผ้าจนปรากฏให้เห็นเป็นคราบสกปรกได้ วิธีแก้ไขจึงต้องทำความสะอาดให้มันด้วยเสมอก่อนซัก ส่วนที่ทำให้สีตกโดยตรงนั้นอาจจะเกิดจากระบบการปรับอุณหภูมิของเครื่องที่มีระบบนํ้าร้อนในตัวก็เป็นไปได้อย่างมาก จึงจำเป็นต้องดูอีกด้วยว่า เครื่องของคุณเป็นเครื่องชนิดใดกันแน่จะเป็นแบบฝาหน้า (ยุโรป) หรือเป็นแบบฝาบน (เอเชีย) เพราะถ้าเป็นแบบฝาบนคนใช้เครื่องซักผ้าส่วนใหญ่มักใส่ผงซักหรือนํ้ายากันบนเนื้อผ้าโดยตรงเลยเสมอๆ

ดังนั้น เราจึงต้องตรวจสอบที่พฤติกรรมการใช้เครื่องซักผ้าของเราเองก่อน กับต้องตรวจเช็คสภาพเครื่องซักผ้าด้วย เท่านั้นก็จะทำให้เรารู้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ และเราก็จะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง...กันไงล่ะครับ

เราคิดว่า เป็นที่เครื่องสกปรกมากกว่า,

แบบเปิดซักแล้วซักอีก แต่ไม่เคย"ล้าง"เครื่องประมาณนั้น เพราะเขาจะมีวิธีล้างเครื่องด้วยผงเกลือ เปิดเครื่องเหมือนเราซักผ้าแหละ ให้ผงเกลือนี้ไปทำความสะอาด+ล้างคราบต่างๆๆที่สะสมมานานออกทิ้งไป..ไงจ้ะ..

อิ อิ แบบคิดว่านะ...วิชาการไม่ได้เรื่องเท่าไร.

อาจเป็นได้ว่าเครื่องซักผ้าของคุณไม่เคยได้รับการชำระล้าง วิธีชำระล้างเครื่องซักผ้าไปในตัวเวลาซักผ้า ก็คือ เวลาที่เครื่องหยุดพักเติมน้ำสะอาดก่อนปั่นซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณจะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม คุณก็เติมน้ำส้ม (White Distilled Vinegar) ราคาถูก ๆ ในประมาณหนึ่งถ้วย (ถ้วยที่บริษัทผงซักฝอกให้คุณใช้ตวงผงซักฝอกน้่นแหละ) น้ำส้มจะช่วยปรับผ้าสี ให้มีสีที่สดใสไม่ซีดง่าย และในเวลาเดียวกันก็ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าไปในตัวด้วยคะ

http://women.kapook.com/view96126.html เป็นบทความของผงซักฟอกโอโมเกี่ยวกับ เชื้อโรค แบคทีเรีย และไรฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าที่เราใส่ ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ อ่านแล้วจะเข้าใจเลยว่าบ้างทีอาการต่างๆที่เราแพ้นั้น คือภัยใกล้ตัวขนาดไหน

๑. ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าสำหรับเครื่องจะมีความเข้มข้นใช้ในปริมาณน้อยกว่า

ซักมือ

๒. ผ้าบางชนิด ห้ามซักเครื่อง ห้ามใช้น้ำยาซักแห้ง

เสื้อผ้าดิฉันซีดช้า และไม่มีปัญหาการซักเพราะ ห้ามซักเครื่องเป็นส่วนใหญ่ ใช้น้ำยา

ซักผ้า และบางชิ้นระบุห้ามแช่ด้วยนะคะ

ดิฉันไม่ได้ซักผ้าทีละมากๆการซักผ้าเองจึงไม่เหนื่อยและไม่เสียเวลา เสื้อผ้าไม่เลอะ

อะไรเพราะทำงานในสำนักงาน หากคุณมีเสื้อผ้าที่ใช้งานหลายลักษณะที่เคยซักรวม

ก็ลองแยก เช่น ชุดนอนผ้าบางแยกไปซักกับเสื้อบังทรงค่ะ

เพิ่มเติมคือ น้ำยาปรับผ้านุ่มบางยี่ห้อน้ำยาซักผ้าบางยี่ห้อละลายสีของผ้าด้วย ต้องระวัง

ค่ะ เสื้อผ้าไม่ต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเสมอไปก็นุ่มได้

เมื่อคุณซักผ้าแต่ละครั้ง จะมีสิ่งสกปรกมากมาย ทีติดอยู่ตามเสื้อผ้าของคุณ นั้นตกค้างอยู่ในถังซักผ้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น คราบเหงื่อไคล คราบโคลน คราบอาหารต่างๆ ที่ติดตามเสื้อผ้าที่คุณนำลงไปซักในถังซักผ้า ล้วนแล้วแต่ต้องตกค้าง อยู่ในถังซักผ้า และยังล้างออกไม่หมด ทำให้การซักผ้าหลังจากนั้น จะมีกลิ่นเหม็น ซักไม่สะอาด เป็นคราบ สีซีดจางเร็ว สิ่งเหล่านี้จะหมดไปหากคุณลองใช้ น้ำยาล้างเครื่องซักผ้าของโวลก้า ซึ่งได้รับการรับรองจาก ITAP สวทช . และกระทรวงวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกในถังเครื่องซักผ้าได้จริง และไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมด้วย ..

http://www.volca.co.th/volca/1.php?page=tub.htm

หมายเหตุ..มิได้มีเจตนาโฆษณาสินค้า