Verified answer

- การตรวจเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ร่างกายขาดฮอร์โมน อินซูลิน จึงทำให้การใช้น้ำตาลกลูโคสบกพร่องไป สิ่งที่จะตรวจพบคือระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

ถ้าการตรวจเลือดหลังอดอาหาร 6 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลเกิน 110 มก./เลือด100 ซีซี ก็บอกได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ถ้าผลการตรวจเลือดไม่เด่นชัด เช่นตรวจน้ำตาลได้เกิน 110 พอตรวจซ้ำไม่เกินหรือตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ แต่น้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 110 เราก็จะทำการตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานกลูโคส 75-100 กรัม ถ้าเกิน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานน้ำตาลกลูโคสระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 140 มก./เลือด100 ซีซี ก็หมายความว่าผู้ป่วยนั้นเป็นเบาหวาน แต่ยังเป็นน้อยอยู่ ที่เราเรียก เบาหวานแอบแฝง

- วิธีการป้องกันโรคเบาหวานสามารถกระทำได้ 2 วิธีคือ

1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้

* ลดน้ำหนักลงให้ได้ 5-7 % จากน้ำหนักเบื้องต้นโดยเฉพาะผู้ที่อ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 23 สำหรับชาวเอเชีย)

* ออกกำลังกาย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยการเดินเร็วๆ และแกว่งแขนแรง

2. การใช้ยาเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน

แนะนำให้ใช้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก่อนเนื่องสามารถการเกิดโรคเบาหวานได้ถึง 58%ขณะที่ใช้ยาลดได้เพียง 36% และการเปลี่ยนพฤติกรรมจะช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคหัวใจและหลอดเลือดในขณะที่ การใช้ยายังไม่มีรายงานดังกล่าว นอกจากนั้นการใช้ยาต้องใช้ต่อเนื่องอาจจะเกิดผลข้างเคียงของยาในอนาคต

ตรวจเลือดค่ะ ตรวจเลือดจะเป็นการใช้แพทย์วินิจฉัยโรคได้

การตรวจปัสสาวะ เป็นการสังเกตุอาการเบื้องต้น หรือติดตามผลเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการทราบว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่

ก็ต้องลองปรึกษาแทย์ใกล้บ้าน แนะนำว่า งดน้ำ งดอาหารหลังเที่ยงคืนไปด้วยเลยนะคะ จะได้ ตรวจเลย

ส่วนอาการเบื้องต้น ด้านล่างตอบไว้แล้วค่ะ

สู้ ๆ ขอให้ไม่เป็นนะคะ

เช็คเเบบชาวบ้านๆเลยน่ะ

1.ลองปัสสาวะลงบนพื้นในห้องน้ำ สังเกตฟองปัสสาวะ ถ้าฟองเเตกเร็ว ไม่เป็นฟองแสดงว่าในปัสสาวะไม่มีน้ำตาล หรือมีน้อย เเต่หากเป็นฟองเเละเเตกช้าหรือดูเเล้วเหมือนมีความเหนียวเเสดงว่าปัสสาวะมีน้ำตาลมาก เป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวาน

2.หรือปัสสาวะทิ้งไว้ ถ้ามีมีมาตอม เเสดงว่าปัสสาวะมีน้ำตาลมาก เป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวาน

การวินิจฉัยเบาหวานที่แม่นยำถูกต้อง ต้องใช้การตรวจเลือดเท่านั้นครับ ไม่มีการตรวจปัสสาวะแล้ววินิจฉัย มีแต่ทำให้สงสัย

หลักการก็คือ เมื่อน้ำตาลในเลือดสูงถึงระดับหนึ่ง มันจะรั่วออกมาในปัสสาวะ ทำให้ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ (ปกติไม่ควรมี) หลักการง่าย ๆ ก็คือเลือดเมื่อไหลผ่านไต ส่วนที่เป็นน้ำจะถูกกรองผ่านไตออกมา น้ำตาลก็ละลายอยู่ในนี้ด้วย แต่ร่างกายเราไม่โง่ครับ ไตจะดูดกลับสารที่มีประโยชน์กลับเข้าสู่กระแสเลือด ขณะเดียวกันก็ปล่อยของเสียออกมากับปัสสาวะ

ถ้าน้ำตาลในเลือดสูง น้ำตาลที่กรองผ่านไตก็สูงตามไปด้วย จนเกินขีดความสามารถในการดูดกลับ มันจึงหลุดลอดออกมากับปัสสาวะ

เพราะฉะนั้น ในคนปกติ ถ้าตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นเบาหวาน แต่ถ้าคนที่ไตไม่ปกติ การดูดกลับไม่ดี ก็อาจมีน้ำตาลหลุดลอดมาโดยที่ไม่ได้เป็นก็ได้ครับ

ส่วนการป้องกันเบาหวาน .... สาเหตุยังไม่ทราบเลยครับทำไมเป็น จะไปป้องกันร้อยเปอร์เซ็นต์ได้อย่างไร มีแต่การปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงครับ คืออย่าให้ตัวเองอ้วน ออกกำลังสม่ำเสมอ และลดอาหารพวกแป้ง (อย่ากินเกิน)

เขาจะตรวจดูเลือดเราด้วย ไม่จําเป็นต้องปัสสาวะอย่างเดืยวครับ เขาจะเจาะเลือดคุณไปตรวจหาเชื้อโรคเบาหวานว่า ว่าคุณจะเป็นหรือไม่เป้นครับ คนส่วนมากคิดว่าคนอ้วนเท่านั้นที่เป็นโรคเบาหวาน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นะครับ คนผอมก็สามารถจะเป็นได้เหมือนกัน หรือโรคนี้มันอาจจะสืบมาจากกรรมพันธ์นะครับ ก็พยายามอย่ากินอาหารขยะให้บ่อย ควรงดพวกของหวานๆ ครับ

ยังงงอยู่ว่ารสชาดมันเปลี่ยนไป

หรือมีน้อยในเลือด

ปัญหาของการส่งต่อข้อมูลคือต้องไปค้นต่อหรือไม่ก็เข้าใจไม่ตรงกันถ้าสื่อสารให้คนธรรมดาเข้าใจได้ง่ายๆนี่มันจะเสียน้ำหนักความสำคัญไปมากมั๊ยนะ