Verified answer

คิดว่าน่าจะไปแก้แค้นใครบางคน..ที่หมางกันในอดีตหรือเปล่าหนอ

ดูแกมีฟีลลิ่งเหลือเกิ้น....

เมื่อก่อนแกมีเงินแต่ไม่มีอำนาจ เลยโดนซะ..กับธุรกิจของแก

ตอนนี้แกคงต้องการอำนาจมาคุ้มธุรกิจแกหรือเปล่า อุ้ยๆ.. เดานะ

เลือดธรรมศาสตร์แร้งงงงส์ ค่่ะ

"ธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน"

จุดประสงค์ทางการเมืองของเสี่ยชูวิทย์ คือ การพยามปรับเปลี่ยน "ปมด้อย" ของตัวเองให้มาเป็น "ปมเด่น" ให้ได้ เคยเป็น "เจ้าพ่อ" หรือ "มาเฟีย" มาก่อนก็เพียงแค่อยากจะล้างมือใน "อ่างทองคำ" กันเท่านั้น เคยประกอบสัมมาอาชีพที่สังคมดูเกลียดดูแคลนมาตลอด ก็เลยอยากให้ได้รับการยกย่องจาก "สังคม" กันบ้าง เคยมีอิทธิพลล้นฟ้าในวงการสีกากี (เพียงภาพจอมปลอม)โดยทุ่มเงินทองมากมาย แต่ในที่สุดก็ไม่มีใครที่เค้าเคยเลี้ยงดู หรือมีบุญคุณมาช่วยอะไรตนเองในยามคับขันได้เลย โดยคิดเอาเสียเองว่า สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะเรียกร้องความเป็นตัวตนของตนเองกลับคืนให้มาได้ ก็คือ การแสดงตนเป็นปรปักษ์กับ "อบายมุข" ที่ตนเคยมีความถนัดมาก่อนนั่นเอง พูดง่ายๆ "ต้องแผงฤทธิ์กันบ้างซะแล้ว"

คนเราถ้าคิดจะเรียนลัด เพื่อต้องการให้ได้รับการยอมรับจากใครๆโดยเร็วกันแล้ว "เงิน" จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะใช้ปูทาง "ทางการเมือง" ได้เร็วที่สุด บวกกับการเสแสร้งแกล้งทำ และสร้างภาพทางการตลาดให้เป็นจุดขายเฉพาะตามที่ตนถนัดอยู่แล้ว...เท่านี้ก็เพียงพอกันแล้ว

จากอดีตเคยทำอะไรมาก่อน ย่อมมีความชำนาญ เมื่อภาพลักษณ์สุดท้ายบ่นปี้หนักขึ้นจากการใช้ชายฉกรรจ์ชุดดำบุกเผาทำลาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นเพื่อไล่ที่จนถูกประจานไปทั่วทั้งสังคม แถมยังถูกรุมยำจากเพื่อนสีกากีที่เค้าเคยมีบุญคุณไว้มากมายอีกด้วย...ในที่สุด "มีแค้นต้องชำระ"

คนอย่างเขาจึงไม่มีประโยชน์อะไรต่อการเมืองไทยเลย จะเป็นได้ก็เพียงแค่ "สีสรรมันส์ๆ" ไปเท่านั้น หวังจะให้เป็น "ฝ่ายค้านที่ดี" ก็ดูเอาเถอาะว่า "เค้าทำอะไรไว้บ้าง" ต่อพรรคชาติไทยในอดีต กับคุณบรรหารผู้มีพระคุณทางการเมืองของเค้าเอง เค้าดีแต่ประจาน "ตำรวจ" คู่ปรับเก่าตลอดชีพของเค้า...กันเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม คนเคยคิดชั่วทำชั่วมาก่อน แล้วอยากจะปรับตัวกันบ้าง สังคมก็ควรจะให้โอกาสเค้าเหล่านั้นบ้างเช่นกัน ในกรณี "เสี่ยชูวิทย์" สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เค้าได้ "เลิกธุรกิจสีเทา" ไปจนหมดสิ้น และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ที่ดินริม "สุขุมวิท" เจ้าปัญหานั้นเค้าก็กล้าใช้ทำเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ลบล้างความคิดเก่าๆของตนไปจนหมดสิ้น

ดังนั้น สิ่งที่เค้าทำไว้ในอดีต และได้ผ่านการสำนึกดีแล้ว เค้าจึงควรได้รับการให้อภัยจากสังคมกันบ้างหรือไม่ และนั่นล่ะ ก็คือ ความประสงค์ที่แท้จริงของลูกผู้ชายที่ชื่อว่า "ชูวิทย์" คนนั้น

...แม้จะไม่ใช่ภรรยาคุณชูวิทย์ ผมก็เข้าใจได้ว่าคุณชูวิทย์เป็นคนที่มีอาการคลั่งแบบลูกบ้าธรรมดาๆ แต่ที่ไม่ไม่ธรรมดาคือ แกมีเงิน และแกก็เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง คนเราหลายๆคน เมื่อเก่ง เมื่อมีอำนาจ หรือเมื่อก้าวไปอีกระดับหนึ่งมักจะมีการเปลี่ยนแปลง คนทุกๆคนเป็นมากบ้างน้อยบ้าง แตกต่างกันไปครับ.

...ตัวอย่างง่ายๆ

....เพื่อนๆที่รวยๆหลายๆคนแล้วไม่เห็นหัวเรานั้น ก็คือคนที่อยู่ในอาการเดียวกันครับ

....เจ้าของคิงเพาเวอร์ผู้ได้รับจารึกว่าเป็นผู้ที่สะสมพระพุทธรูปทุกๆปางในโลก เก่าแก่ที่สุดในโลก หรือไวน์ทองคำหลายพันตัว หรือคอกม้าแข่งหลายฝูงและทุบซื้อจิ้งจอกเลสเตอร์ก็อยู่ในหนึ่งบ้า ครับ

.....เจ้าของอมตะนครหนูจะเป็นเด็กดี นอนในห้องใต้น้ำ ขับรถเก๋งเปอร์เช่ในทางหลวงหมู่บ้านแถวปากช่อง ด้วยความเร็ว180กม/ชม คนไม่บ้าคงไม่มีใครกล้าเหยียบขนาดนั้น

.....คนนี้บ้าจริงๆวิ่งซื้อเหมืองแร่ในต่างประเทศไล่ฮุบกิจการแถวๆแอฟริกา หลังจากฮุบที่วัดไม่หนำใจ นี่ก็โคตรบ้า เก่งจนบ้า ทำอะใรสำเร็จไปหมด ก็เลยบ้าแบบไม่เห็นหัวใคร แม้แต่เงาหัวตัวเอง..

คนถามก็บ้า คนตอบก็บ้า แต่บ้ากันเรื่องอะใรนั้น คนที่สนิทรู้จักเท่านั้นที่รู้ เพราะขึ้นชื่อว่าบ้าด้วยประการใดๆทั้งปวง

ล้วนแต่ไม่รู้ตัวเองครับ

เขาต้องการเอาชนะ เมื่อลงเล่นการเมืองเเล้ว ก็ต้องการได้รับเลือกเป็น สส ถ้าได้เขาก็คือผู้ชนะในระดับหนึ่ง ส่วนจุดประสงค์ของการเป็น สส ของเขานั้นเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อตัวเอง ต้องรอดูบทบาทของเขา โปรดติดตามตอนต่อไป คัมมิ่งซูน

ตีกิน

น่าจะส่งไปที่ตู้รับเรื่องต่างๆ ที่แกจัดวางไว้ แล้วให้ช่วยตอบในรู้รอบให้ด้วย ถ้า "ตรงใจ" คงได้ Best 50 แต้ม

ไม่ทราบเจตนาที่เเท้จริงของเค้า เเต่ที่เห็นจากเเอ็คติงเเล้วกลัวค่ะ

ถ้าได้เป็นฝ่ายค้านดั่งใจหวัง ไม่อยากคิด สภาจะวุ่นวายขนาดไหน

ยิ่งถ้าได้ร่วมกับ นาย เฉลิม ด้วยเเล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย

ไม่ว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล คงพาให้ประเทศก้าวไปได้ยาก

เพราะคงโดนขัดเเข้งขัดขาจนหกขมำกันไปตามๆกัน

ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ

อยากให้คุณชูวิทย์ได้อยู่ฝ่ายค้านจริง ๆ

คนจะได้ไม่เครียดมาก

มันเป็นราคาปลดปล่อยที่ถูกที่สุดแล้ว